ประการแรก ตับทำหน้าที่นำเอาสารอาหารที่ย่อยมาแล้วจากทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต (พวกแป้ง น้ำตาล) ไขมัน โปรตีน (พวกเนื้อต่างๆ)วิตามิน ยา หรืออะไรก็ตามที่เราทานเข้าไปมาปรับเปลี่ยนให้เป็นสารอาหารที่เหมาะกับการใช้ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น สร้างโปรตีนอัลบูมิน (โปรตีนไข่ขาว) โปรตีนที่ช่วยการแข็งตัวของเลือด ไขมันในเลือดชนิดต่างๆ เป็นต้น ที่น่าสนใจก็คือ ยาต่างๆ สมุนไพร วิตามิน อาหารเสริม หรืออะไรก็ตามที่เราทานเข้าไป บางครั้งตับก็เลือกไม่ถูกว่าที่ทานเข้าไปมีประโยชน์อะไร ตับก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ปรับเปลี่ยนเป็นสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย ต่อตับเองจนเกิดตับอักเสบ เป็นอันตราย ที่ถูกที่ควรคืออย่าไปหาอะไรทานสุ่มสี่สุ่มห้า อะไรที่ไม่ใช่อาหารปกติก็อย่าเที่ยวไปหาทาน เช่น มะรุมที่ไปทานเป็นเม็ด เป็นแคปซูล เป็นยาต้ม เป็นสาเหตุของโรคตับที่รุนแรงได้เช่นกัน
ประการที่สอง ตับทำหน้าที่สะสมอาหารต่างๆ เอาไว้ใช้เมื่อร่างกายต้องการ เช่น เก็บน้ำตาลกลูโคสในรูปของไกลโคเจนสะสมไว้ในตับ เมื่อร่างกายต้องการพลังงานก็จะเปลี่ยนไกลโคเจนกลับมาเป็นกลูโคส ส่งไปที่ต่างๆ ของร่างกายเพื่อเอาไปใช้เป็นพลังงานต่อไป ผู้ป่วยที่ตับอักเสบขั้นรุนแรงจะมีน้ำตาลในเลือดต่ำเลยเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า เป็นโรคตับให้ทานน้ำหวาน ซึ่งที่จริงแล้วจะต้องทานต่อเมื่อตับเสียไปมากๆ ตอนระยะท้ายๆ ของโรคตับ ฉะนั้นอย่าไปทานน้ำหวานกันโดยไม่จำเป็น
ประการที่สาม ตับทำหน้าที่ขับถ่ายของเสียในรูปของน้ำดี ออกมาทางท่อน้ำดี แล้วลงไปออกที่ลำไส้เล็กส่วนต้น น้ำดีนอกจากจะเป็นของเสียที่ร่างกายขับออกมาแล้ว ยังมีน้ำที่เป็นของดีปนอยู่ด้วย (ด้วยเหตุฉะนี้กระมัง เลยเรียกน้ำเขียวๆเหลืองๆ ที่ออกมาจากตับว่า “น้ำดี”) ที่ว่ามีของดีปนออกมาก็เพราะว่าน้ำดีนั้นใช้ช่วยในการย่อยอาหารประเภทไขมัน ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ต้องใช้ไขมันร่วมด้วย คือวิตามิน เอ ดี อี และ เค คนที่ท่อน้ำดีอุดตันก็จะมีตาเหลือง ตัวเหลือง คันเพราะของเสียขับออกมาไม่ได้ นานๆ เข้าอุจจาระจะสีซีด ท้องเสียเวลาทานของมัน ขาดวิตามินที่เห็นชัดเห็นผลเร็วก็คือ การขาดวิตามินเค (K) เลือดจะแข็งตัวไม่ดี เลือดออกแล้วไหลไม่หยุดถึงเวลานี้คงจะจินตนาการภาพของตับออกได้บ้าง และพอจะทราบว่าตับสำคัญต่อร่างกายอย่างไรพอเป็นสังเขป บทต่อไปลองดูสิว่า ตับเมื่ออักเสบแล้วเป็นอย่างไร
ที่มา : หนังสือ ไขรหัสตับอักเสบเรื้อรังและตับแข็ง