ไวรัสตับอักเสบซีคืออะไร

ไวรัสตับอักเสบซี เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชอบอาศัยอยู่ในเซลล์ตับของคนเช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบชนิดอื่นๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบเอ บี ดี และอี ซึ่งจำได้ง่ายเพราะเรียงตามอักษร 5 ตัวแรกในภาษาอังกฤษ เชื้อไวรัสเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เซลล์ตับได้รับอันตรายและถูกทำลาย เกิดเป็นโรคตับที่เรียกว่าโรคตับอักเสบถ้าระยะการติดเชื้อไม่เกิน 6 เดือนจะเรียกว่าโรคตับอักเสบแบบเฉียบพลันซึ่งเกิดหลังจากได้รับเชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกายใหม่ๆ แต่ถ้ามีการติดเชื้อนานเกินกว่านี้และยังไม่หายขาดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมดจะเรียกว่าโรคตับอักเสบแบบเรื้อรัง

ไวรัสตับอักเสบซีเป็นเชื้อไวรัสชนิดอาร์เอ็นเอ (RNA virus) ที่มีขนาดเล็กมากๆ เท่ากับไวรัสตับอักเสบบี แต่เล็กกว่าไวรัสเอชไอวีที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ เชื้อไวรัสเหล่านี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ต้องขยายดูด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบพิเศษที่เรียกว่ากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน ซึ่งมีกำลังขยายสูงมากกว่า 1,000 เท่าไวรัสตับอักเสบซีถูกค้นพบเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน (ปี พ.ศ. 2532) โดยนักวิจัยของบริษัทไครอน (Chiron corporation) ในประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถแยกยีนหรือรหัสพันธุกรรมของไวรัสออกจากเลือดของลิงชิมแปนซีที่ติดเชื้ออีกทอดหนึ่งจากผู้ป่วยตับอักเสบแบบเฉียบพลันหลังจากที่ได้รับเลือด แสดงว่าไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อทางเลือดเป็นหลัก การค้นพบเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนี้ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งของประวัติศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่เชื้อไวรัสที่ค้นพบนี้มีชื่อเรียกว่า ไวรัสตับอักเสบซี โดยใช้ชื่อตามอักษรภาษาอังกฤษตัวแรกคือตัวซี (C) ของบริษัทไครอนที่เป็นผู้ค้นพบ ซึ่งสอดคล้องเรียงกันได้เป็นอย่างดีกับไวรัสตับอักเสบเอและบีที่มีการค้นพบก่อนหน้านี้ไวรัสตับอักเสบซีทำให้เกิดโรคตับอักเสบแบบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการใดๆ ที่บ่งบอกว่ากำลังป่วยเป็นโรคดังกล่าวจนกระทั่งสภาพของตับเสื่อมลงมากแล้ว หรือเป็นมะเร็งตับในระยะลุกลามแล้วจึงค่อยมีอาการแสดงของโรค ดังนั้นไวรัสตับอักเสบซีจึงเปรียบเสมือนภัยเงียบที่กำลังคุกคามสุขภาพของประชากรทั่วโลกรวมทั้งประชากรไทยแม้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเหมือนกับไวรัสตับอักเสบเอและบี แต่ในปัจจุบันมียาต้านไวรัสซึ่งมีประสิทธิภาพในการรักษาที่สูงเนื่องจากสามารถรักษาผู้ป่วยส่วนใหญ่จนหายขาดได้ ข้อจำกัดของการรักษาคือราคายาค่อนข้างแพงและอาจมีผลข้างเคียงในระหว่างการใช้ยาวิธีที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกันให้ห่างจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีและโรคตับที่เกี่ยวข้อง โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อ เช่นหลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมหรือเข็มร่วมกับผู้อื่น และไม่สำส่อนทางเพศ สำหรับผู้ที่เคยมีประวัติได้รับเลือดมาก่อนหรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาไวรัสตับอักเสบซีและรับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป

ที่มา: หนังสือ ไขรหัสตับอักเสบเรื้อรังและตับแข็ง


← กลับไปหน้ารายการ